วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

~ ^^ ~ แ น ะ นำ ตั ว ~ ^^ ~




ชื่อ : อัครพล พิริยะพงษ์ ( Akaraphon Piriyapong )

ชื่อเล่น : โน้ต ( NoTe )

สิ่งที่ชอบ : MBLAQ หนังสือการ์ตูน Basketball


I wanna FLY !!


< M B L A Q >

ชอบวงนี้มากกกกกกกก > //// <


หนังสือการ์ตูน (เพิ่งสั่งซื้อมาสดๆร้อนๆเลย)

การ์ตูนที่ชอบก็จะมีเรื่อง Dear Boys , Slamdunk , Dragon Jam


หนังเรื่องที่ชอบมากกกกเลย เรื่อง In Time : )


ติดต่อ 
hotmail : tae.kwang@hotmail.com
facebook : https://www.facebook.com/chinnaemon
twitter : @Note_mireu

เจอกันก็ทักทายกันได้น้า 

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555


การแทรกตาราง

การแทรกตาราง

การสร้างตาราง ลงใน เว็บเพจมีประโยชน์มหาศาล เราสามารถ ประยุกต์ นำไปใช้ได้หลายอย่าง เพื่อเป็นการเพิ่มสีสันความสวยงามของเว็บเพจ การสร้างตาราง ในเว็บเพจก็ไม่แตกต่างจากการสร้างตารางบนแผ่นกระดาษทั่ว ๆ ไป เราเคยทำตารางอย่างไร ก็สามารถสั่งให้เว็บเพจของเรา ทำอย่างนั้นได้ เช่นกัน ต่างกันที่ว่าในเว็บเพจเราไม่สามารถที่จะ นำเอาปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด หรืออุปกรณ์ สำหรับเขียนตารางเข้าไปเขียนบนจอภาพได้ 
                 

 -Tag table

                  ตารางมีการกำหนดด้วยแท็ก <table>
ตารางแบ่งออกเป็นแถว (ที่มีแท็ก <tr>) และแต่ละแถวจะแบ่งออกเป็นเซลล์ข้อมูล (ที่มีแท็ก <td>) td ย่อมาจาก "ข้อมูลตาราง" และถือเนื้อหาของเซลล์ข้อมูล แท็ก <td> สามารถมีข้อความการเชื่อมโยง, ภาพ, รายการ, รูปแบบ, ตารางอื่น ๆ ฯลฯ

width การปรับความกว้าง

            การปรับความกว้างของตาราง สามารถทำได้ดังนี้

ตัวอย่างโค้ด
           
            <table border =1 width =40%>

ตัวอย่าง


ผลที่ได้


Height  การปรับความสูง

          การปรับความสูงของตาราง สามารถทำได้ดังนี้

ตัวอย่างโค้ด
           
            <table border =1 height =30%>

ตัวอย่าง


ผลที่ได้


Align การจัดตำแหน่ง
       
       การจัดตำแหน่งของตารางสามารถทำได้ดังนี้

ตัวอย่างโค้ด

       ** เนื่องจากการแทรกตารางเริ่มแรกจะชิดซ้ายอยู่แล้ว

       <table border =1 width=30% align = "center">
       <table border =1 width=30% align = "right">
     

  ตัวอย่าง                                   
การจัดอยู่กึ่งกลาง

ผลที่ได้



ตัวอย่าง
การจัดแบบชิดขวา


ผลที่ได้




Colspan การรวมเซล์

           การรวมเซลล์สามารถทำได้ดั้งนี้

ตัวอย่างโค้ด

           การรวมเซลล์ ต้องใส่จำนวนของแถวที่จะใส่ด้วย 
          
           <td colspan =4 align="center">........</tr>



ตัวอย่าง


ผลที่ได้


แหล่งอ้างอิง



24 กันยายน 2555


การแทรกรูปภาพ



การแทรกรูปภาพนั้นสามารถทำได้โดยระบุแท็ก ได้ดังนี้
<img src="..."> โดยที่ข้อความในเครื่องหมายคำพูดจะต้องเป็นชื่อไฟล์รูปภาพ นามสกุลของภาพใช้ jpg jpge gif ดังนี้






หน้าจอแสดงผล




การจัดตำแหน่งของรูปภาพ

สามารถใส่โค้ดได้ดั้งนี้

<left><img src="......"></left>            การจัดแบบชิดซ้าย


<center><img src="......"></center>   การจัดแบบกึ่งกลาง

<right><img src="......"></right>        การจัดแบบชิดขวา

สามารถทำตามภาพได้ดังนี้


การแทรกรูปภาพแบบชิดซ้าย




ผลลัพธ์ที่ได้




การแทรกรูปภาพแบบกึ่งกลาง




ผลลัพธ์ที่ได้




การแทรกรูปภาพแบบชิดขวา




ผลลัพธ์ที่ได้




การปรับขนาดรูปภาพ

สามารถใส่โค้ดได้ดังนี้

<img src="....."width=(ขนาดความกว้างของรูป)height=(ขนาดความสูงของรูปภาพ)>

รูปภาพขนาดต่างจะเป็บรูปแบบ pixle

สามารถทำได้ตามภาพดังนี้

ตัวอย่าง




ผลลัพธ์ที่ได้




เอกสารอ้างอิง




21 สิงหาคม 2555



การแต่งตัวอักษร

การกำหนดตัวอักษรแบบตัวอักษร


<Font face="...">...ข้อความ...</Font>

           การกำหนดฟอนต์ ก็เหมือน ๆ กับตอนที่เราพิมพ์งานใน word นั้นละค่ะ ซึ่งเราจะสามารถเลือกได้ว่าเราจะใช้ฟอนต์แบบไหน ซึ่งอาจจะเป็น Arial หรือ Angsana New เป็นต้น ในการเขียน HTML เราก็สามารถกำหนดได้ค่ะ ว่าจะให้ข้อความของเราแสดงผลด้วยรูปแบบของฟอนต์แบบไหน แต่ในการเขียนเว็บเพจนั้น ฟอนต์ที่เป็นที่นิยมจะมีด้วยกัน 2 ชนิดคือ MS Sans Serif และ Tahoma โดยฟอนต์แบบ MS Sans Serif จะนิยมใช้กับเว็บที่มีการแสดงผลข้อความเป็นภาษาไทย และ Tahoma มักใช้การแสดงผลข้อความเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็สามารถใช้กับข้อความภาษาไทยได้เหมือนกัน รูปแบบการกำหนดชื่อฟอนต์ 



การกำหนดขนาดตัวอักษร

<Font size =" ...">...ข้อความ...</Font>
           
           การกำหนดขนาดของข้อความสามารถกำหนดได้โดยใช้ตัวเลขเป็นตัวกำหนด ซึ่งสามารถกำหนดได้ 7 ระดับ รูปแบบการใส่มีด้วยกัน 3 แบบ คือ แบบแรกการกำหนดโดยใช้ตัวเลข 1  ถึง  7 สองการกำหนดตัวเลขโดยใส่เครื่องหมาย + คือตั้งแต่  +1  ถึง  +7 และ การใส่แบบใส่เป็นค่าแบบ - ตั้งแต่  -1  ถึง  -7


การกำหนดสีตัวอักษร

<Font color = "...">...ข้อความ...</Font>
           

           การกำหนดสีสันของข้อความเป็นเรื่องสำคัญอยู่ในลำดับต้น ๆ ของการทำเว็บเลยทีเดียว เพราะสีสันข้อความสามารถดึงดูดสายตาของผู้เยี่ยมชม หากข้อความของเว็บใช้สีที่อ่านยาก เพราะว่าสีกลืนกันไปหมดกับพื้นหลัง ความสำคัญของการสื่อความหมายของข้อความนั้น ๆ อาจอ่อนด้อยลง ดังนั้นการพิจารณาเลือกใช้สีควรเลือกให้เหมาะกับโทนสีทั้งหมดของเว็บ ไม่ควรอ่อนด้อยเกินไป หรือโดดเด่นเกินไป

1.<Font color = "...ชื่อสีภาษาอังกฤษ...">...ข้อความ...</Font>

2.<Font color = "...รหัสของสี...">...ข้อความ...</Font>


ตารางรหัสของสี


การกำหนดตัวเอียง ตัวหนา ตัวห้อย


 ตัวเอียง        <I> ...ข้อความ...</I>

ตัวหนา          <B>...ข้อความ...</B>


ขีดเส้นใต้      <U>...ข้อความ....</U>


การกำหนดตัวขีดฆ่า ตัวยก ตัวห้อย

ตัวขีดฆ่า       <STRIKE>...ข้อความ...</STRIKE>

ตัวยก            <SUP>...ข้อความ...</SUP>

ตัวห้อย          <SUB>...ข้อความ...</SUB>


การกำหนดตัวอักษรวิ่ง  ตัวอักษรกระพริบ

ตัวอักษรวิ่ง           <MARQUEE>...ข้อความ...</MARQUEE>

ตัวอักษรกระพริบ  <BLINK>...ข้อความ...</BLINK>


การจัดตำแหน่งข้อความ

 การจัดตำแหน่งข้อความชิดซ้าย

<P Align = "left"> ....ข้อความ.... </P>

การจัดตำแหน่งข้อความอยู่กึ่งกลาง


<P Align = "center">... ข้อความ...</P>


การจัดตำแหน่งข้อความชิดขวา
              
<P align = "right">...ข้อความ...</P>


เอกสารอ้างอิง
http://www.prasansoft.com/web-content-html4.php
http://www.thainextstep.com/html/html_03.phphttp
http://113.53.238.199/it/elearning/html/html2.html
http://www.webthaidd.com/html/webthaidd_article_321_.html


24 กันยายน 2555


HTML TAG พื้นฐาน

HTML
    HTML ย่อมาจากคำว่า HyperText Markup Language 
ใช้โปรแกรม Note Pad ในการสร้าง HTMLและเปิดดูเอกสารได้โดยการใช้โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (Web Browser) เช่น Mosaic , Opera , Nescape navigator , Internet Explorer ฯลฯ



Text Editor
   คือ โปรแกรมที่ใช้สำหรับสร้างและแก้ไขข้อความในการสร้างเว็บเพจด้วยภาษา HTML  
เช่น NotePad , EditPlus หรือโปรแกรม Dreamweaver 




การใช้ภาษาHTML

องค์ประกอบของ html
    ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่
1. ส่วน Head คือส่วนที่จะเป็นหัว (Header) ของหน้าเอกสารทั่วไป 
หรือส่วนชื่อเรื่อง (Title) ของหน้าต่างการทำงานในระบบ Windows 
2. ส่วน Body จะเป็นส่วนเนื้อหาของเอกสารนั้น ๆ ซึ่งจะประกอบด้วย Tag 
คำสั่งในการจัดรูปแบบ หรือตกแต่งเอกสาร HTML 



คำสั่งเริ่มต้นของเอกสารHTML

<HTML>..........</HTML>
   คำสั่ง <HTML> เป็นคำสั่งเริ่มต้นในการเขียนโปรแกรมและคำสั่ง </HTML> เป็นการสิ้นสุดโปรแกรม HTML คำสั่งนี้จะไม่แสดงผลในโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ แต่ต้องเขียนเพื่อให้เกิดความเป็นระบบของงาน และเพื่อจะให้รู้ว่าเอกสารนี้เป็นเอกสารของภาษา HTML ส่วนหัวเรื่องเอกสารเว็บ (Head Section)

<HEAD>..........</HEAD>
   Head Section เป็นส่วนที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับข้อมูลเฉพาะของหน้าเว็บนั้น ๆ เช่น ชื่อเรื่องของหน้าเว็บ (Title), ชื่อผู้จัดทำเว็บ(Author), คีย์เวิร์ดสำหรับการค้นหา (Keyword) โดยมี Tag สำคัญ คือ

<TITLE>..........</TITLE >
  ข้อความที่ใช้เป็น TITLE ไม่ควรพิมพ์เกิน 64 ตัวอักษร, ไม่ต้องใส่ลักษณะพิเศษ เช่น ตัวหนา เอียง หรือสี และควรใช้ภาษาที่มีความหมายครอบคลุมถึงเนื้อหาของเว็บเพจ นั้น หรือเป็นคำสำคัญในการค้นหา (Keyword)

<BODY>..........</BODY>
   Body Section เป็นส่วนเนื้อหาหลักของหน้าเว็บ ซึ่งการแสดงผลจะต้องใช้ Tag จำนวนมาก ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูล เช่น ข้อความ, รูปภาพ, เสียง, วีดิโอ หรือไฟล์ต่างๆส่วนเนื้อหาเอกสารเว็บ เป็นส่วนการทำงานหลักของหน้าเว็บ ประกอบด้วย Tag มากมายตามลักษณะของข้อมูล ที่ต้องการนำเสนอ การป้อนคำสั่งในส่วนนี้ ไม่มีข้อจำกัดสามารถป้อนติดกัน หรือ 1 บรรทัดต่อ 1 คำสั่งก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะยึดรูปแบบที่อ่านง่าย คือ การทำย่อหน้าในชุดคำสั่งที่เกี่ยวข้องกัน ทั้งนี้ให้ป้อนคำสั่งทั้งหมดภายใต้ Tag 

<BR>.........</BR>
<BR> เป็น Tag สำหรับการขึ้นบรรทัดใหม่ของ HTML


<P>..........</P>
<P> คือ การกำหนด Paragraph ของข้อมูลภายในเว็บเพจ


แหล่งอ้างอิง
http://pirun.ku.ac.th/~agrtnk/web/units/unit1/unit1-3.html
http://school.obec.go.th/pp_school/html/editor.html 
http://www.oknation.net/blog/ict/2009/04/21/entry-1
http://www.dwthai.com/Article/begin_html.html

24 กันยายน 2555





คำศัพท์พื้นฐานเกี่ยวกับการสร้างเว็บ

Internet



                   อินเทอร์เน็ต( Internet )คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันเป็นจำนวนมากครอบคลุมไปทั่วโลกโดยอาศัยโครงสร้างระบบสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล มีการประยุกต์ใช้งานหลากหลายรูปแบบ อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายของเครือข่าย เพราะInternetประกอบด้วยเครือข่ายย่อยเป็นจำนวนมากต่อเชื่อมเข้าด้วยกันภายใต้มาตรฐานเดียวกันจนเป็นสังคมเครือข่ายขนาดใหญ่ 
อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะที่ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของ ทำให้การเข้าสู่เครือข่ายเป็นไปได้อย่างเสรีภายใต้กฎเกณฑ์บางประการที่กำหนดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและวุ่นวายจากการเชื่อมต่อจากเครือข่ายทั่วโลก

Homepage


      



                    1. สำหรับผู้ใช้เว็บ Home Page คือ เว็บเพจแรกที่ปรากฏหลังจากเริ่มใช้ web browser เช่น Netscape Navigator หรือ Microsoft Internet Explorer ซึ่ง browser มักจะได้รับการตั้งค่าก่อน ดังนั้น home page คือ เพจแรกของผู้ผลิต browser อย่างไรก็ตามผู้ใช้สามรถตั้งค่าการเปิด web site อื่น ๆ ได้ เช่น การระบุเป็น "http://www.google.com" เป็น home page ของผู้ใช้ และสามารถระบุเป็นหน้าว่างได้ 
สำหรับกรณีที่เลือกเพจแรกจาก รายการ book mark หรือ ป้อน address ของเว็บ
                     2. สำหรับผู้พัฒนา web site, home page ซึ่งเป็นเพจแรกที่ปรากฏเมื่อผู้ใช้เลือก site หรือ presence บน world wide web ซึ่ง address ของ web site คือ address ของ home page ถึงแม้ว่าผู้ใช้สามรถป้อน address (URL) ของทุกเพจ และมีการส่งเพจมาให้





WWW           
                    

WWW ย่อมาจาก World Wide Web คือ เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก เรามักเรียกย่อๆกันว่า เว็บ คือรูปแบบหนึ่งของระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข่าวสาร ใช้ในการค้นหาข้อมูลข่าวสารบน Internet จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปยังแหล่ง ข้อมูลที่อยู่ห่างไกล ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด   WWW จะแสดงผลอยู่ในรูปแบบของเอกสารที่เรียกว่า ไฮเปอร์เท็กซ์ (Hyper Text) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลชนิดหนึ่ง
ที่ทำหน้าที่รวบรวมข่าวสารข้อมูลที่อยู่กระจัดกระจายในที่ต่าง ๆ ทั่วโลกให้สามารถนำมาใช้งานได้เสมือนอยู่ในที่เดียวกัน  โดยใช้เว็บเบราเซอร์ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยในการดู หรืออ่านข้อมูลเหล่านั้น เว็บเบราวเซอร์ที่นิยมใช้ เช่น IE Microsoft Internet Explorer , Firefox , google chrome เป็นต้น


Web browser 



              เว็บเบราว์เซอร์ (web browser) เบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมดูเว็บ 
คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (html) ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ
                 ประโยชน์ของ Web Browser
สามารถดูเอกสารภายในเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้ อย่างสวยงามมีการแสดงข้อมูลในรูปของ ข้อความ ภาพ และระบบมัลติมีเดียต่างๆ ทำให้การดูเอกสารบนเว็บมีความน่าสนใจมากขึ้น ส่งผลให้อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นในปัจจุบัน ปัจจุบัน web browser ส่วนใหญ่จะรองรับ html 5 และ อ่าน css เพื่อความสวยงามของหน้า web page



Webpage 

             เว็บเพจ หรือ หน้าเว็บ หมายถึง หน้าหนึ่ง ๆ ของเว็บไซต์ ที่เราเปิดขึ้นมาใช้งานโดยทั่วไป เว็บเพจส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของเอกสาร HTML หรือ XHTML (ซึ่งมักมีนามสกุลไฟล์เป็น htm หรือ html) มีลิงก์สำหรับเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น ๆ สามารถใส่รูปภาพและรูปภาพยังสามารถเป็นลิงก์ 
กล่าวคือสามารถคลิกบนรูปเพื่อกระโดดไปหน้าอื่นได้ นอกจากนี้ยังสามารถใส่แอปเพล็ต (applet) ซึ่งเป็นโปรแกรมขนาดเล็กแสดงภาพเคลื่อนไหว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ หรือสร้างเสียง ได้อีกด้วยโปรแกรมที่ใช้เปิดดูเว็บเพจ เรียกว่า เว็บเบราว์เซอร์ ตัวอย่างเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นที่นิยม เช่น อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์, Netscape, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์, และ ซาฟารี เป็นต้น         
โปรแกรมสำหรับสร้างเว็บเพจ เช่น โปรแกรม Macromedia Dreamweaver , PHP & MySQL , Flash Professional เป็นต้น

      
HTML




          คือ ภาษาที่ใช้ในการเขียนเว็บเพจ ย่อมาจากคำว่า Hypertext Markup Language 
          Hypertext หมายถึง ข้อความที่เชื่อมต่อกันผ่านลิ้ง (Hyperlink) Markup หมายถึง วิธีในการเขียนข้อความ language หมายถึงภาษา 
          ดังนั้น HTML จึงหมายถึง ภาษาที่ใช้ในการเขียนข้อความ ลงบนเอกสารที่ต่างก็เชื่อมถึงกันใน cyberspace ผ่าน Hyperlink นั่นเอง
      HTML เริ่มขึ้นเมื่อ ปี 1990 เพื่อตอบสนองความต้องการในการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันของนักวิทยาศาสตร์ระหว่างสถาบันและมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลก โดย Tim Berners-Lee นักพัฒนาของ CERN ได้พัฒนาภาษาที่มีรากฐานมาจาก SGML ซึ่งเป็นภาษาที่ซับซ้อนและยากต่อการเรียนรู้ 
จนมาเป็นภาษาที่ใช้ได้ง่ายและสะดวกในการแลกเปลี่ยนเอกสารทางวิทยาศาสตร์ผ่านการเชื่อมโยงกันด้วยลิ้งในหน้าเอกสาร เมื่อ World Wide Web เป็นที่แแพร่หลาย HTML จึงถูกนำมาใช้จนเกิดการแพร่หลายออกไปยังทั่วโลก จากความง่ายดายในการใช้งาน



Website



                          
        หมายถึง แหล่งความรู้หรือข้อมูลข่าวสารที่ถูกเก็บไว้บนระบบ เน็ตเวิร์ก (Network) ออนไลน์ (Online) ที่เรียกว่า อินเตอร์เน็ต (Internet) ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไดบนโลกนี้ถ้า คอมพิวเตอร์ (Computer) ของคุณได้ถูกเชื่อมต่อไว้กับระบบอินเตอร์เน็ต 
คุณก็สามารถที่จะเข้าชมเว็บไซต์ผ่านทาง ซอฟต์แวร์ (Software) ที่เรียกว่า เว็บบาวเซอร์ (Web Browser)
เราจะเรียกเว็บแต่ละเว็บว่า โฮมเพจ (Homepage) และจะเข้าโฮมเพจผ่านทาง เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web,  WWW, W3) เช่นการจะเข้าเว็บไซต์ จ๊ะจ๋า ดอท คอม เราก็จะพิมพ์ www.jajar.com ในช่อง address แล้วกด Enter เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ และเรียกชื่อดังกล่าวว่า URL หรือชื่อของเว็บนั่นเอง
เราสามารถเรียกเว็บไซต์ได้หลายแบบ ที่มักพบในภาษาไทย เช่น เว็บไซต์ เว็บไซด์ เวปไซต์ เวปไซด์ เว็บ เวป เว็บเพจ ซึ่งมีความหมายเดียวกัน และที่ใช้ในภาษาอังกฤษ เช่น Website, Web Site, Web, Web Page

URL   

    

                        URL ย่อมาจากคำว่า Uniform Resource Locator คือ ที่อยู่ (Address) ของข้อมูลต่างๆในInternet เช่น ที่อยู่ของไฟล์หรือเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ต
รูปแบบของ URL จะประกอบด้วย
http://www.urlbookmarks.com/support/urlfaq.htm
1. ชื่อโปรโตคอลที่ใช้ (http ซึ่งย่อมาจาก HyperText Transfer Protocol)
2. ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ และชื่อเครือข่ายย่อย (www/urlbookmarks)
3. ประเภทของเวบไซต์ (.com) ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภท คือ เช่น.com (Commercial),.edu (Educational),.org (Organizations),.net (Network) ฯลฯ
4. ไดเร็กทอรี่ (/support/)
5. ชื่อไฟล์และนามสกุล (urlfaq.htm)
ความสำคัญของ URL คือเวลาเราเข้าเว็บไซต์เราก็ต้องพิมพ์ URL ลงในช่อง url address ของ web browser เช่น จะเข้าเว็บ google.comก็ต้องพิมพ์ http://www.google.com หรือ จะพิมพ์ google.com ก็ได้
ไม่ต้องมี http://www.ก็ได้เดี๋ยว Browser มันจะเติมให้เราเอง ดังนั้นการอ้างอิงของข้อมูลบนอินเตอร์เนตต้องระบุ URL ให้ถูกต้อง มิฉะนั้นจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ 


แหล่งอ้างอิง

http://school.obec.go.th/mrPaisan/e-learning/information/content/internet1.htm

http://www.com5dow.com
http://www.mindphp.com/modules.php?name=News&file=article&sid=121
http://th.wikipedia.org/wiki/
http://www.mindphp.com
http://www.codingbasic.com/html.html
http://website.jajar.com
http://www.mindphp.com/



วันที่ 24 กันยายน 2555